ข้อดีของการ ซื้อบ้านในช่วงหน้าฝน

ซื้อบ้านในช่วงหน้าฝน

ข้อดีของการ ซื้อบ้านในช่วงหน้าฝน

เข้าสู่หน้าฝนอย่างเป็นทางการแล้ว หลายคนรู้ซึ้งถึงปัญหาในช่วงหน้าฝนเลยคือเดินทางลำบาก เฉอะแฉะจนแทบไม่อยากทำอะไร ข้อดีของการ ซื้อบ้านในช่วงหน้าฝน แต่รู้หรือไม่ว่าหากคิดจะซื้อบ้านถ้าจะซื้อบ้านในช่วงหน้าฝนก็มีข้อดีที่เราไม่ควรมองข้าม อยู่เหมือนกัน มาดูกันว่าข้อดีของการซื้อบ้านในช่วงหน้าฝนมีอะไรบ้าง

เช็กทำเลอย่างละเอียด

ถ้าได้ไปดูบ้านในช่วงหน้าฝน จะพบเห็นปัญหาเกี่ยวกับฝนทั้งหมด ทั้งเส้นทางที่จะไปยังบ้านหลังนั้น การเดินทาง ปัญหาการจราจร ถนนบริเวณนั้นเป็นอย่างไร และจะได้เห็นว่ามีโอกาสน้ำท่วมหรือเปล่า

เช็กสภาพบ้านที่แท้จริง

ปัญหาน้ำรั่วซึมมักเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเจ้าของบ้าน หลายคนมาเห็นปัญหาอย่างชัดเจนเมื่อฝนตกหนัก ซึ่งการซื้อบ้านหน้าฝนมีข้อดีตรงที่เราจะได้เห็นปัญหาที่แท้จริงของบ้านหลังนั้นโดยเฉพาะผนังรั้วซึมหรือเปล่า มีน้ำหยดหลังคาหรือเปล่า

ได้เช็กระบบการระบายน้ำ

เมื่อฝนตกหนักๆ จะเกิดปัญหาน้ำท่วมขัง ถ้าระบบการระบายน้ำไม่ดี อาจทำให้น้ำล้นทะลักได้ ซึ่งไม่ใช่ปัญหาที่แก้ไขได้ง่ายๆ ซึ่งถ้าเราซื้อบ้านช่วงหน้าฝนจะได้เห็นปัญหานี้ก่อน

ได้เช็กกลิ่นอับ

ช่วงหน้าฝนเป็นช่วงที่บ้านมีกลิ่นอับได้ง่ายที่สุด ดังนั้นการซื้อบ้าน ตรวจรับบ้านในช่วงหน้าฝนจะทำให้เราได้เห็นปัญหาเรื่องกลิ่นที่แท้จริง

เช็กสภาพการจราจร

เมื่อใดก็ตามที่ฝนตกย่อมมาพร้อมกับสภาพการจราจรติดขัด ดังนั้นเมื่อฝนตกและเราเดินทางไปดูบ้าน ก็จะได้เช็กว่าสภาพการจราจรในเส้นทางนั้นเป็นอย่างไร

ซื้อบ้านในช่วงหน้าฝน

5 วิธีเลือกซื้อบ้านในหน้าฝน

ช่วงหน้าฝน จะเดินทางไปไหนมาไหนก็ไม่ค่อยสะดวก เลยทำให้ฤดูนี้กลายเป็นโลว์ซีซั่นของเกือบทุกธุรกิจ รวมถึงธุรกิจที่อยู่อาศัยด้วย หลายคนจะมองว่า ถ้าออกไปสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยช่วงหน้าฝนแล้วต้องพบเจอกับฝน คงไม่สนุกเท่าไร

แต่ในความเป็นจริง เมื่อเราซื้อบ้านมาแล้ว ต้องอยู่อาศัยได้ในทุกหน้า โดยเฉพาะหน้าฝน ที่มีโอกาสจะพบกับหลายปัญหามากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น น้ำรั่ว น้ำซึมภายในตัวบ้าน วิลล่า หรือน้ำท่วมภายในโครงการ หรือน้ำท่วมในย่านนั้น ๆ

แม้ว่าปัจจุบันจะสามารถหาข้อมูลรีวิวโครงการต่าง ๆ ได้สะดวกมากขึ้น ว่าย่านนั้นน้ำท่วมหรือไม่ แต่สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น ดังนั้น การสำรวจสภาพทำเลและสภาพโครงการด้วยตัวเอง จะทำให้ประเมินสถานการณ์จริงได้ว่า ยอมรับได้หรือไม่?

1. สำรวจปัจจุบัน

สำรวจว่าทำเลนั้น ๆ ทั้งบริเวณถนนใหญ่ ปากทางเข้าซอย ถนนภายในซอย มาจนถึงถนนหน้าโครงการ เมื่อเจอฝนตกหนัก น้ำท่วม หรือน้ำขังจำนวนมากหรือไม่

กรณีที่เราต้องการทำเลนั้นมาก ๆ ให้ประเมินดูว่า ระดับการท่วมขังมากน้อยเพียงใด อยู่ในระดับที่รับได้หรือไม่ ระยะเวลาในการขังนานแค่ไหน ระบายน้ำเร็วหรือไม่ เป็นอุปสรรคในการเดินทางหรือไม่ โดยเฉพาะถ้าการระบายน้ำในพื้นที่นั้น ๆ ค่อนข้างช้า กินเวลายาวจนถึงช่วงเวลาเร่งรีบ จะมีผลกับการเดินทางไปทำงานหรือเรียนอย่างไร

เราต้องสำรวจตั้งแต่ถนนใหญ่ปากทางเข้าโครงการ ปกติแล้วท่วมหรือไม่ เมื่อเข้าซอยไปแล้ว ภายในซอยท่วมหรือไม่ และกรณีที่ต้องเข้าซอยย่อย ซอยย่อยนั้นท่วมหรือไม่

โดยควรประเมินเป็นภาพรวมว่าทำเลที่เราต้องการกับปัญหาน้ำท่วมขังที่มีโอกาสเจอ รับได้หรือไม่ ถ้ารับได้ เพราะคุ้นเคยดี ก็ตัดสินใจได้ไม่ยาก แต่ถ้ารับไม่ไหว หรือไม่ได้ต้องการอยู่อาศัยในทำเลนั้นมากนัก ก็แนะนำให้เลือกทำเลอื่น อาจจะสะดวกในการอยู่อาศัยมากกว่า

2. มองย้อนอดีต

เป็นการสำรวจว่า ทำเลนั้นเคยน้ำท่วมหนัก ๆ หรือไม่ ซึ่งถ้าพื้นที่นั้น ๆ เคยมีน้ำท่วมหนัก จะยังมีคราบน้ำท่วมหลงเหลือไว้ให้เห็น สามารถประเมินสถานการณ์ได้ว่า แบบบ้าน นอร์ดิก หลังเล็กน่ารัก สร้างในต่างจังหวัด หากเกิดกรณีน้ำท่วมหนัก ๆ อีกครั้ง พื้นที่นี้ก็มีโอกาสที่จะท่วมในระดับเดิมได้ หรืออาจจะไม่ท่วมได้

สำหรับ 2 กรณีนี้ ระหว่าง “น้ำท่วมในหน้าฝนปกติ” กับ “น้ำท่วมใหญ่ในอดีต” ควรให้น้ำหนักกับน้ำท่วมในหน้าฝนปกติมากกว่า เพราะหน้าฝนปกติ เป็นสิ่งที่เจ้าของต้องพบเจอเป็นประจำในช่วงฝนตกหนัก จะทั้งฝนในฤดู หรือฝนนอกฤดูก็ตาม ส่วนน้ำท่วมใหญ่ในอดีต อาจมีหลายสาเหตุ และเป็นเหตุการณ์ที่นานหลายปีจะเกิดขึ้นสักครั้ง

ทั้งนี้ ในกรุงเทพฯ หลายพื้นที่ เวลาเจอเหตุการณ์ฝนตกปกติน้ำไม่เคยท่วมเลย แต่ตอนมีน้ำท่วมใหญ่กลับท่วม ส่วนบางพื้นที่ ฝนตกปกติท่วมหนักมาก แต่ตอนเกิดน้ำท่วมใหญ่ กลับไม่ท่วมเลยดังนั้น จึงควรให้น้ำหนักกับน้ำท่วมในหน้าฝนปกติ มากกว่า

3. วิเคราะห์สภาพโครงการ

หน้าฝนก็ต้องมีฝนตกเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เมื่อฝนตกหนัก แล้วน้ำท่วม ต้องดูว่าสภาพโครงการเป็นอย่างไร พื้นที่ภายในโครงการท่วมด้วยหรือไม่ หรือโครงการออกแบบให้มีระบบป้องกันน้ำท่วม ทำให้เมื่อฝนตกหนัก พื้นที่ภายในโครงการไม่ได้มีน้ำท่วมขัง จนสัญจรภายในโครงการลำบาก หรือน้ำท่วมขังจนไหลเข้าสู่ตัวบ้าน

4. ประเมินสภาพบ้าน

เมื่อดูภาพรวมโครงการแล้ว ก็ต้องดูสภาพบ้านด้วยเช่นกัน ซึ่งหากมีโอกาสที่จะเยี่ยมชมโครงการ หรือตรวจบ้านในช่วงหน้าฝน จะทำให้เห็นสภาพบ้านจริงหลังเผชิญฝนตกอย่างหนัก มีน้ำรั่วหรือน้ำซึมจากหลังคา หรือตามขอบประตู หน้าต่างหรือไม่

5. ลงพื้นที่สำรวจ

มาถึงตรงนี้ หลายคนอาจมีคำถาม แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าจะต้องไปชมโครงการวันไหน เพราะฝนคงไม่ตกถูกจังหวะที่เราจะไปชมโครงการพอดิบพอดี อันนี้ให้เริ่มจากการสำรวจภาพรวมทำเลก่อน หลังจากที่ฝนตกหนัก ถ้ามีโอกาส ให้ลองสำรวจทำเลย่านนั้น ตั้งแต่ถนนใหญ่ ภายในซอย หรือซอยย่อย